* - * - * - * - * - * - * - * - * - * >> ภาคใต้ <<
* - * - * - * - * - * - * - * - * - *
* - * - * - * - * - * - * - * - * - * >> ภาคใต้ <<
* - * - * - * - * - * - * - * - * - *
:: ขนมลา ::
ขนมลา
เป็นขนมหวานพื้นบ้านของทางภาคใต้ ของประเทศไทย ซึ่งทำมาจากแป้งข้าวเจ้า
เป็นขนมสำคัญหนึ่งในห้าชนิดที่ใช้สำหรับจัดเพื่อนำไป
ถวายพระสงฆ์ในงานประเพณีบุญสารทเดือนสิบ
ซึ่งเป็นงานบุญประเพณีที่สำคัญของจังหวัดในภาคใต้ เช่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลาโดยอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ขนมลาปรุงขึ้นเพื่อเป็นเสมือนแพรพรรณเสื้อผ้า
ปัจจุบันขนมลามีจำหน่ายตลอด
ทั้งปี ไม่ปรุงเฉพาะในเทศกาลอย่างที่เคยปฏิบัติมา ขนมลามี 2 ชนิดคือลาเช็ดและลากรอบ
ขนมลาเช็ดจะใช้น้ำมันน้อย โรยแป้งให้หนา เมื่อสุกพับเป็นครึ่งวงกลม
รูปร่างเหมือนแห ลากรอบ นำลาเช็ดมาโรยน้ำตาลแล้วนำไปตากแดด
ในปัจจุบันมีการทำลากรอบแบบใหม่ โดยเพิ่มแป้งข้าวเจ้าให้มากขึ้น ใช้น้ำมันมากขึ้น
เมื่อแป้งสุกแล้วม้วนเป็นแท่งกลม พักไว้จนเย็นจึงดึงไม้ออก
:: ขนมขี้มอด ::
ขนมขี้มอด ที่มีลักษณะคล้ายทรายละเอียด
มีส่วนผสมหลักคือ ข้าวคั่ว มะพร้าวคั่ว น้ำตาล และเกลือ ผสมรวมกัน
เพิ่มงาเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสารอาหาร นิยมรับประทานเป็นขนมกินเล่น
เป็นขนมพื้นบ้านโบราณที่ภาคใต้หลายจังหวัดนิยมทำกันเพราะทำได้ง่าย
และเป็นการถนอมอาหารได้อีกวิธีหนึ่ง
:: ขนมหวัก ::
ขนมหวัก” ของกินพื้นบ้านปักษ์ใต้
ซึ่งกลายเป็นขนมหายาก และเหลือเพียง 3 เจ้าใน จ.สงขลา ด้วยสีเหลืองทองน่ารับประทาน
สอดไส้กุ้งและถั่วงอก กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ ขนมหวักเป็นขนมไทยพื้นบ้านของภาคใต้ ซึ่งขณะนี้แทบไม่มีให้เห็น
และเป็นสินค้าหายากในท้องตลาด คนรุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่รู้จักส่วนผสมของขนมหวัก
ได้แก่ แป้งถั่วเหลือง กุ้งสด ถั่วงอก และน้ำจิ้ม
แต่ตอนนี้ที่ทำอยู่เพื่อต้องการอนุรักษ์ขนมพื้นบ้านโบราณไว้เท่านั้น
ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก โดยจะทำเฉพาะในช่วงงานสำคัญ หรือกิจกรรมการท่องเที่ยว สูตรการทำขนมหวักนั้น
จะนำถั่วเหลืองมาบดเป็นแป้งใส่ในหวัก หรือทัพพี ทรงครึ่งวงกลม
โดยใส่ไส้ที่ทำจากถั่วงอกและกุ้งสด แล้วทับด้วยแป้งถั่วเหลืองอีกครั้ง
จากนั้นนำไปทอดน้ำมันร้อนๆ ในกระทะทั้งจวัก จนแป้งสุกได้ที่เป็นสีเหลืองทองอร่าม
แล้วยกมาแกะออก ซึ่งเมื่อสุกแล้วรูปร่างของขนมหวักจะคล้ายซาลาเปาทอด
โดยรับประทานกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ และสำหรับที่มาของชื่อ “ขนมหวัก” นั้น ก็เรียกตามอุปกรณ์ที่ใช้ทำ คือ ทัพพี
ซึ่งภาษาปักษ์ใต้เรียกว่า “หวัก”
(จวัก) นั่นเอง
:: ขนมกอและห์ หรือขนมกวน ::
ขนมกอและห์
หรือขนมกวน เป็นขนมหวานพื้นบ้านของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา
วิธีการปรุงขนมกอและห์
นำข้าวเหนียว ๑ ลิตร ล้างน้ำให้สะอาดประมาณ ๒ ครั้ง แล้วแช่ข้าวเหนียวไว้ประมาณ ๒
- ๓ ชั่วโมง นำข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ไปโม่
เทแป้งข้าวเหนียวที่โม่เสร็จแล้วลงในกะทะทองเหลือง ใส่น้ำตาลทราย ประมาณ ๑ - ๑ ๑/๒
กิโลกรัม ยกกะทะตั้งบนเตาไฟ ใช้ไม้พายกวนแป้งกับน้ำตาลไปเรื่อยๆ จนแห่งและเหนียว
ยกเทใส่ถาดกระจายให้แป้งเต็มถาด วางไว้ให้เย็น เคี่ยวน้ำกะทิข้นๆ ประมาณ ๑ ถ้วย
จนกะทิเย็นน้ำมัน และมีขี้มันเป็นสีแดงเข้ม ตักใส่ถ้วยไว้ ใช้มีดตัดขนมเป็นชิ้นๆ
ขนาดเท่ากับ ขนมเปียกปูน แล้วตักน้ำมันและขี้มันราดลงบนขนมแต่ละชิ้น เสร็จแล้วนำไปรับประทานได้ขนมกอและห์
เป็นขนมหวานที่มีรสหวาน เหนียวนุ่มอร่อย
มักนิยมทำรับประทานกันในบ้านหรือทำเลี้ยงในงานกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน
นอกจากนั้นยังทำขายอยู่ทั่วไปในตลาดยะลา
:: ขนมขี้มัน ::
ขนมขี้มัน มีที่มาจาก
การเคี่ยวน้ำมันมะพร้าว เพราะ “ขี้มัน” เป็นของเหลือจากการเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวค่ะขนมขี้มัน
เป็น ๑ ในขนมตระกูล “ขี้” ทั้ง ๓ คือ
ขี้มัน ขี้มอด ขี้หนู ขนมไทยโบราณที่ใกล้สูญพันธุ์ สมัยเด็กๆ ฉันทำขนมตระกูลนี้ขายยายว่างจากทำนาก็ขายขนมจีน
ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และทำขนมขาย เป็นรายได้เลี้ยง ๒
ปากท้องยายเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวอาทิตย์ละหน เอาน้ำมันมะพร้าวไว้ผัดก๋วยเตี๋ยว “ขี้มัน” คือ ส่วนที่เหลือจากการเคี่ยวกะทิจนแตกมัน
ได้น้ำมันมะพร้าวใสๆ ลอยข้างบน และส่วนที่เหลือก้นกระทะเป็นกากคือ “ขี้มัน” เคี่ยวน้ำมันมาก
ก็ได้ขี้มันมากงานของฉันคือใช้อีโต้เฉาะเปลือกมะพร้าว ฉีกพดพร้าวออก ขูดผิวจนเรียบ
ใช้สันอีโต้ทุบมะพร้าวเป็น ๒ ซีกเท่าๆ กัน (จะได้ขูดง่าย) นั่งบนกระต่าย ขูด ๆ ๆ
จนมะพร้าวกองใหญ่กลายเป็นขุยขาวๆ เต็มกะมังยายคั้นกะทิเอง โดยมีมือเล็กๆ
ของฉันเข้าไปแจมด้วยความสนุกกับการขยำมะพร้าวนิ่มๆ กลิ่นหอมชื่นใจของกระทิ
เทกะทิใส่กระทะใบใหญ่บนเตา คราวนี้ก็ถึงเวลาที่น่าเบื่อคือ กวน กวน กวน
ด้วยไม้พายไปเรื่อยๆ ไม่ให้หยุด เพราะกะทิจะไหม้ กะทิแตกมันและงวดขึ้นเรื่อยๆ
จนสุดท้ายน้ำมันใสแจ๋วลอยอยู่บนขี้มัน กลิ่นขี้มันหอมไปทั่วบ้านขี้มัน มีสีน้ำตาล
ลักษณะเหมือนขุยดิน กลิ่นหอม รสชาติหวานนิด ๆ มันหน่อยๆ
ตามธรรมชาติของมะพร้าวขี้มัน กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก
มื้อนั้นเราไม่ต้องทำกับข้าวขี้มันเหลือมาก
ก็เอาไปทำขนมขี้มันขายได้ขนมขี้มันทำจากข้าวสาร แช่ข้าวสารค้างคืนให้นุ่ม เอาไปโม่
เป็นน้ำแป้งข้นๆ ใส่กระทะเติมกะทิ น้ำตาลโตนด ใส่กระทะกวน กวน กวน จนข้นเหนียว
ยกกระทะเทลงถาดเคลือบใบใหญ่ แป้งร้อนไหลลงแผ่เต็มถาด ระหว่างรอให้ขนมจับตัวแข็ง
ก็ไปฉีกใบตอง เจียนขนาดพอเหมาะ เหลาก้านมะพร้าวตัดเป็นไม้กลัด ใส่ตะกร้ารอไว้ขนมจับตัวแข็งแล้ว
โรยหน้าด้วยขี้มัน เกลี่ยจนทั่ว ใช้มีดกรีดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนขายชิ้นละ
๑ สลึงแล้วเราสองคนก็ออกเดินขาย ขนมขี้มันอุ่นๆ ใหม่ๆ จากเตา กลิ่นขี้มันหอมฉุย
เดินไม่ไกลก็ขายเกลี้ยงเวลากิน ขนมขี้มัน เนื้อแป้งเหนียวนิดๆ นุ่มหน่อยๆ หวานหอมน้ำตาลโตนด
กับกลิ่นหอมของขี้มัน เป็นขนมไทยแท้ๆ
ที่แสนอร่อยขนมขี้มันยังเห็นมีขายอยู่บ้างในตลาดชาวบ้านทางปักษ์ใต้
แต่ไม่อร่อยเหมือนแต่ก่อน แป้งยุ่ยๆ เพราะทำจากแป้งข้าวจ้าวสำเร็จรูป
ไม่มีขี้มันโรยหน้า เพราะเดี๋ยวนี้เราไม่ต้องเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวอีกแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น